ดร.วสุ กีรติวุฒิเศรษฐ์

วิทยากรและที่ปรึกษาทางด้านการเงินธุรกิจ การจัดการเชิงกลยุทธ์ การจัดการโครงการ และการพัฒนาองค์กร

ประวัติการศึกษา

ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 
ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
 
ปริญญาโท Master of International Business, University of Wollongong ประเทศออสเตรเลีย
 
ประกาศนียบัตร Certificate in Organization Development, Stanford University ประเทศสหรัฐอเมริกา
 
ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนาองค์การ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

ประวัติการทำงาน

ผู้ช่วยคณบดี และ ประธานหลักสูตร MBA (หลักสูตรนานาชาติ การศึกษาทางไกล) คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 2563 – ปัจจุบัน
 
วิทยากรและที่ปรึกษาทางด้านบริหารธุรกิจและการจัดการ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และ หน่วยงานภาคเอกชน 
 
อาจารย์ประจำหลักสูตร MBA คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด 2561 – 2563
 
ประสบการณ์ 10+ ปี ทางด้าน Business Planning, Risk Management, Business Development, Quality Management, Engineering และ Product Development ในองค์กรภาคเอกชน อาทิเช่น บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง และ บมจ.ปตท. เป็นต้น

ความเชี่ยวชาญ

Financial Feasibility Study (การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินสำหรับโครงการลงทุน)
 
Business Valuation (การประเมินมูลค่ากิจการ)
 
Business Finance (การเงินธุรกิจ)
 
Strategic Management (การจัดการเชิงกลยุทธ์)
 
Project Management (การจัดการโครงการ)
 
Organization Development (การพัฒนาองค์กร)

บริการของเรา

Corporate training (การฝึ...

Corporate training (การฝึกอบรมในองค์กร) ออกแบบและพัฒนาหลักสูตรฝึก...

Consultancy services (การ...

Consultancy services (การให้คำปรึกษา) ดำเนินการโครงการให้คำปรึกษา...

ผลงานที่ผ่านมา

รีวิว

อาจารย์มีความเชี่ยวชาญ บรรยายเพลินมาก เน้นวิชาการสามารถนำกลับไปวางแผนกลยุทธ์ การจัดการองค์กร การบริหารธุรกิจ การเงิน สามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการจัดการภายในองค์กรได้

Client Photo

คุณไอยวารินท์

12 มิ.ย. 2567

เป็นการฟังบรรยายที่ไม่เครียดเลยครับ มีการแสดงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สามารถสอบถามเจาะลึกคำถามด้านการเงินธุรกิจได้ อาจารย์มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากจริงๆ ครับ

Client Photo

คุณปกเกล้า

12 มิ.ย. 2567

มีโอกาสได้ฟังการบรรยายจาก อาจารย์ ดร. วสุ ค่ะ เป็นการอธิบายที่ทำให้เราเข้าใจง่ายมาก อาจารย์บรรยายสนุก วิเคราะห์กลยุทธ์เชิงลึก นำมาปรับปรุงพัฒนาในหน่วยงานได้อย่างยอดเยี่ยม

Client Photo

คุณขวัญจิรา

12 มิ.ย. 2567

อาจารย์บรรยายสนุกมากเลยครับ ได้ความรู้ และประสบการณ์มากมาย นำไปต่อยอด และพัฒนาในองค์กรได้ดีเลยครับ อาจารย์เป็นกันเองมาก มีกิจกรรมให้ทำระหว่างการฟังบรรยาย

Client Photo

คุณกิตติชัย

12 มิ.ย. 2567


ดร.วสุ กีรติวุฒิเศรษฐ์ l วิทยากรและที่ปรึกษาทางด้านการเงินธุรกิจ การจัดการเชิงกลยุทธ์ การจัดการโครงการ และการพัฒนาองค์กร

โทรสอบถาม

ข่าวสาร

12 มิ.ย. 2567

วิธีดูแลตัวเองในภาวะหมดไฟในการทำงาน

ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือที่เรียกว่า Burnout Syndrome คือภาวะที่เกิดจากการมีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดความอ่อน...

12 มิ.ย. 2567

6 ปัจจัยหลักผลักคุณสู่ความสำเร็จในการทำงาน

1.ความมุ่งมั่นชัดเจนในเป้าหมาย หากมีความตั้งใจ ความทุ่มเทก็จะเกิดตามไปด้วย ความเพียรพยายาม ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ จะทำให้...

ส่งข้อความหาเรา

ลูกค้าสามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการสอบถามได้จากฟอร์มด้านล่าง เมื่อทีมงานได้รับข้อความแล้ว จะติดต่อกลับลูกค้าโดยเร็วที่สุด

Corporate training (การฝึกอบรมในองค์กร)

Corporate training (การฝึกอบรมในองค์กร) ออกแบบและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมทางด้านธุรกิจและการจัดการให้ตรงกับความต้องการขององค์กรและกลุ่มผู้เรียน รวมไปถึงการประสานงานกับเครือข่ายวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และ ดำเนินการจัดการฝึกอบรมในรูปแบบออนไลน์ และ ในที่ตั้ง

Consultancy services (การให้คำปรึกษา)

Consultancy services (การให้คำปรึกษา) ดำเนินการโครงการให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจ และการจัดการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เฉพาะขององค์กร

วิธีดูแลตัวเองในภาวะหมดไฟในการทำงาน

ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือที่เรียกว่า Burnout Syndrome คือภาวะที่เกิดจากการมีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดความอ่อนล้า ความอ่อนเพลีย รวมทั้งขาดความสุขในการทำงาน ที่สำคัญยังรวมไปถึงการขาดประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากชวนสาวๆ ทุกคนที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเข้าสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน หันมาดูแลตัวเองด้วย 5 วิธีดังนี้ค่ะ
 
1.พักผ่อนให้เพียงพอ
เนื่องจากภาวะหมดไฟในการทำงาน เกิดจากความเครียดสะสม โดยความเครียดสะสมมักเกิดจากการที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ตลอดจนทำให้นอนไม่หลับ ดังนั้นหากสาวๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้เข้าสู่ภาวะเช่นนี้ แนะนำให้พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ โดยต้องจัดตารางเวลานอนให้ดี เช่น เข้านอนเร็วและตื่นนอนเร็ว ที่สำคัญจะต้องนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อเนื่อง รวมทั้งพยายามหากิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกายหรือเดินเล่น เป็นต้น
 
2.ออกกำลังกาย
แน่นอนว่าการออกกำลังกายมีส่วนช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ต่อให้สาวๆ จะไม่ชอบการออกกำลังกายแค่ไหน ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า การออกกำลังกายช่วยทำให้ร่างกายสามารถหลั่งสารอะดรีนาลีน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว แถมยังช่วยให้นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
 
3.ระบายให้ใครสักคนฟัง
ต่อให้คุณจะเป็นผู้หญิงที่เก่งในเรื่องการจัดการกับอารมณ์ของตัวเองมากแค่ไหน แต่หากเข้าสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน คุณแทบจะไม่สามารถเก็บความเครียดได้เลย หรือหากคุณเลือกที่จะเก็บโดยไม่พยายามที่จะระบายให้ใครสักคนฟัง ก็ยิ่งทำให้คุณเข้าใกล้ภาวะ Burnout Syndrome ได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นแนะนำให้หาใครสักคนที่สามารถเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคุณ แล้วเลือกที่จะระบายสิ่งต่างๆ ที่รู้สึกอึดอัดออกไป วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
 
4.พยายามลดความเครียด
ต้องยอมรับก่อนเลยว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเครียดได้เลย แต่เราสามารถลดความเครียดได้ ซึ่งความเครียดถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน ดังนั้นจึงต้องพยายามลดความเครียดบ่อยๆ ซึ่งวิธีการลดความเครียดที่สามารถทำได้ก็คือ การกินของอร่อยๆ การเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ รวมทั้งการพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นต้น
 
5.หมั่นให้กำลังใจตัวเอง
ไม่มีกำลังใจของใครดีเท่ากับกำลังใจของตัวเอง ต่อให้คุณจะได้รับกำลังใจจากคนอื่นๆ มามากมายแค่ไหน หากไม่ได้รับกำลังใจจากตัวเอง ก็ย่อมไม่สามารถช่วยให้ห่างไกลจากภาวะหมดไฟในการทำงานได้ ดังนั้นควรหมั่นให้กำลังใจตัวเองในทุกๆ เรื่อง หากเกิดความผิดพลาดก็ไม่ควรซ้ำเติมตัวเอง อย่าลืมว่ากำลังใจจากตัวเอง ช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากได้
 
เอาเป็นว่าสาวๆ คนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะหมดไฟในการทำงาน แนะนำว่าพยายามให้เวลากับตัวเองสักหน่อย โดยเฉพาะการพักผ่อนที่เพียงพอ ถือเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้
 
อ้างอิงเนื้อหาจาก https://www.sanook.com/women/197121/

6 ปัจจัยหลักผลักคุณสู่ความสำเร็จในการทำงาน

1.ความมุ่งมั่นชัดเจนในเป้าหมาย
หากมีความตั้งใจ ความทุ่มเทก็จะเกิดตามไปด้วย ความเพียรพยายาม ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ จะทำให้คุณทำงานอย่างไม่มีขีดจำกัด
 
2.พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ
จงหมั่นหาความรู้และเพิ่มทักษะด้านต่างๆ ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ว่าจากข้อมูล ข่าวสาร วิทยาการใหม่ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาสู่สังคมเราอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนทำงานที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีการเรียนรู้และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา คิดค้นหาโอกาสและช่องทางใหม่ๆ ในการพัฒนาตัวเอง ความสำเร็จในหน้าที่การงานจึงไม่หยุดนิ่งตามไปด้วย
 
3.ความคิดสร้างสรรค์ คือกุญแจอีกดอกหนึ่งสู่ความสำเร็จ
ความแปลกใหม่ หรือความหลากหลายต่อรูปแบบการทำงานทำให้หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานประทับใจและจดจำคุณได้เป็นอย่างดี การไม่ยึดติดรูปแบบ การคิดบวกและแสวงหาช่องทางและโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานส่งผลให้เกิดการพัฒนางานที่หลากหลายตามไปด้วย
 
4.ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน
การสื่อสารทั้งการพูด การแสดงออก และการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานแต่ละระดับจะมีผลต่อความสำเร็จของงานที่ทำทั้งสิ้น การสื่อสารสองทางอย่างชัดเจน เป็นมิตร มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และคิดบวก คือเคล็ดลับของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
 
5.ทักษะการแก้ปัญหาและตัดสินใจ
เป็นทักษะเฉพาะตัวที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นคงทางอารมณ์ ความเชื่อมั่นในข้อมูลและองค์ความรู้ในการทำงาน การคิดค้นและสร้างสรรค์งาน รวมไปถึงทักษะการสร้างการมีส่วนร่วมของทีมงานส่งผลต่อการตัดสินใจและการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุมีผล และชัดเจนตรงประเด็น
 
6.การบริหารเวลา
ทักษะการบริหารเวลาคืออัจฉริยภาพของคนๆ นั้น เพราะเวลาเป็นสิ่งที่ซื่อสัตย์และเที่ยงตรงที่สุดต่อมนุษย์ทุกคนไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ยากดีมีจน เพศ และอายุ ทุกคนมี 24 ชั่วโมงใน 1 วัน 365 วันใน 1 ปีเท่ากัน ดังนั้นความได้เปรียบ เสียเปรียบของคนทำงานจึงอยู่ที่ทักษะการบริหารจัดการเวลาให้เหนือกว่าคนอื่น แล้วความสำเร็จทั้งการงาน  การเงิน และชีวิตส่วนตัวจึงตามมาด้วย
 
ปัจจัยนำไปสู่ความสำเร็จที่กล่าวมาข้างต้น จำเป็นต้องมีและทำให้เกิดกับทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว เป็น “หัวใจสำคัญ” ของหลักการและแนวทางนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายสูงสุดทั้งของตัวเองและองค์กรด้วย
 
อ้างอิงเนื้อหาจาก https://www.sanook.com/women/79669/